CLMV อาเซียนในเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

   (Great Mekong Subregion: GMS) เป็นประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา (Cambodia) ลาว (Laos) เมียนมาร์ (Myanmar) และเวียดนาม (Vietnam) เป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย เชื่อมต่อกับไทยทางบกและเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทย เจดีย์องค์ใหญ่ หมายถึง องค์ประปฐมเจดีย์ที่พระโสณะ และพระอุตระได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเผยแพร่พระพุทธศาสนา มหามงกุฎ หมายถึง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงอุปถัมภ์สร้างองค์พระปฐมเจดีย์ต่อเติมให้สูงใหญ่สง่างาม ตามที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ก้อนเมฆ หมายถึง พระปฐมเจดีย์ที่สูงเสียดฟ้า

บรรณานุกรม

องค์ความรู้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. CLMV คือกลุ่มประเทศอะไร. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 11/05/2560, จาก http://www.thai-aec.com/65#ixzz3Jao2mI4b.

Marketeer. 10 เรื่องต้องรู้ก่อนตลุย CLMV. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 17/05/2560, จาก  http://marketeer.co.th/archives/63090.

สถาบันพระปกเกล้า. กลุ่มประเทศ CLMV และประเทศ ASEAN6. [ออนไลน์].
สืบค้นเมื่อ 17/05/2560, จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title.

บทนำ

    ก่อนที่จะมีการก่อตั้งอาเซียนขึ้นมาอย่างในปัจจุบันนี้ แรกเริ่มมิได้ตั้งจากทั้ง 10 ประเทศพร้อมๆ กัน หากแต่เกิดจาก 5 รัฐผู้ก่อตั้ง อันได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ได้รวมตัวก่อตั้งขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ รับสมาชิกเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันที่มีสมาชิกจำนวน 10 ประเทศด้วยกัน สำหรับกลุ่มประเทศ CLMV อันได้แก่เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา นี้ได้ทยอยเข้าเป็นสมาชิกในอาเซียน โดยเวียดนามเข้ามาเป็นสมาชิกในปี ค.ศ.1995 ตามด้วยลาวและเมียนมาเข้าเป็นสมาชิก ในปี ค.ศ.1997 และ กัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกในปี ค.ศ.1999 ซึ่งสี่ประเทศที่กล่าวมานี้มีความแตกต่างกับประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้งอย่างมากทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ ระดับการพัฒนา และระบอบการเมืองการปกครอง

ลักษณะของกลุ่มประเทศ CLMV

     กลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดต่อกัน และยังเป็นกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนในภายหลัง อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมดังกล่าวได้ตอกย้ำความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองของกลุ่มประเทศอาเซียน CLMV เป็นกลุ่มประเทศที่มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของเศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม และเป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนาค่อนข้างช้าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ความขัดแย้งในประเทศเหล่านี้เริ่มคลี่คลาย กลุ่มประเทศ CLMV ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากมีเศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นตลาดเปิดใหม่ มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีความได้เปรียบในเรื่องค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน

บทบาทของกลุ่มประเทศ CLMV

กัมพูชา

     หลังจากสงครามได้ผ่านพ้นไป กัมพูชาก็เป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับมหภาคที่มีเสถียรภาพ โดยเศรษฐกิจของกัมพูชามีการเติบโตสูงกว่าร้อยละ 7 ต่อเนื่องระหว่าง ค.ศ. 2010 – ค.ศ. 2014 อย่างไรก็ตามกัมพูชายังประสบปัญหาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองไปเพื่อการพัฒนาประเทศ และยังมีปัญหาความยากจน ความขาดแคลนบุคลากรคุณภาพ และความสามารถในการการแข่งขันทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน

ลาว

     ลาวปรารถนาที่จะพัฒนาประเทศให้พ้นจากสภาพประเทศด้อยพัฒนา ภายในปี ค.ศ.2020 และขจัดปัญหาความยากจนภายในปี2010 แม้จะประสบอุปสรรคมากมาย เช่น การขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ ขาดโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ที่ไม่มีทางออกทะเล รัฐบาลลาวมุ่งหมายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงลาวให้กลายเป็นประเทศแห่งการเชื่อมต่อ ซึ่งลาวมีความต้องการที่จะสามารถใช้ท่าเรือประเทศเพื่อนบ้านได้เพื่อนำเข้าและส่งออกสินค้าตน รวมไปถึงระบบถนนและระบบรางรถไฟด้วย โดยลาวได้เริ่มโครงการก่อนสร้างทางรถไฟระยะทาง 220 กิโลเมตร จากเมืองไกสร พมวิหาร แขวงสะหวันนะเขต ไปยังเมืองลาวบาวซึ่งมีทางรถไฟเชื่อมต่อกับท่าเรือน้ำลึกหมีถวี (My Thuy) ซึ่งอยู่ในตอนกลางของประเทศเวียดนาม โครงการนี้มีเป้าหมายว่าจะช่วยให้ลาวแก้ปัญหาการเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลได้ นอกจากนั้นในวันที่ 27 มิถุนายน 2015 ลาวและเวียดนามได้มีความตกลงทวิภาคีในเรื่องการค้าและการขนส่งข้ามพรมแดนเพื่อให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าและเงินตราระหว่างกันง่ายขึ้น

เมียนมา

     เมียนมามีทรัพยากรธรรมชาติล้นเหลือ มีแรงงานราคาถูกและเป็นตลาดใหญ่ที่น่าลงทุน มีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ระหว่างอินเดีย อาเซียน และจีน แต่การจัดการทางด้านนโยบาย การส่งเสริมการลงทุนยังขาดประสิทธิภาพ เมียนมามีความจำเป็นต้องปฏิรูประบบการเงิน ระบบธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น

เวียดนาม

     เวียดนามได้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจเมื่อปี ค.ศ.1986 จนมีผลทำให้ปัจจุบัน เวียดนามมีพื้นฐานทางสังคมและเศรษฐกิจที่แข็งแรง และเมื่อได้เข้าร่วมอาเซียน เวียดนามก็ได้พัฒนาด้านการลงทุนจากต่างชาติ และได้ผลตอบรับอย่างดี

10 เรื่องต้องรู้

     กัมพูชา(Cambodia) ลาว(Laos) เมียนมาร์(Myanmar) และเวียดนาม(Vietnam) หรือที่เรียกย่อๆ ว่า CLMV เป็นกลุ่มประเทศที่น่าจับตามองที่สุดในโลกขณะนี้ เพราะนอกจากการเจริญเติบโตเฉลี่ยที่มากถึง 8% และสามารถก้าวไปหลัก 10% ได้นั้น CLMV ยังมีทรัพยากรอีกมากทั้งแรงงาน และสิ่งแวดล้อม… แค่เหตุผลนี้ข้อเดียวก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ทุกประเทศทั่วโลกจ้องตาเป็นมัน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยคือประเทศที่อยู่กลาง CLMV แต่เรากลับช้ามากในแง่ของการลงทุนในประเทศเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบัน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ กำลังรุกมาอย่างต่อเนื่อง (รวมถึงประเทศอื่นๆ ในยุโรป) ฉะนั้นประเทศไทยจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งสปีดให้เร็วที่สุด ฉะนั้นเรามาดูกันว่า 10 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนไปลงทุน และทำธุรกิจใน CLMV มีอะไรบ้าง

1.สินค้าไทยคือของดี
ในสายตาคนไทยอาจมองว่าของจากอเมริกา หรือยุโรป เป็นของคุณภาพสูง แต่ในสายตาประเทศเพื่อนบ้านเรา ของที่ทำในประเทศไทยคือของดี มีคุณภาพ สาเหตุก็มาจากความค้นเคยกับคนไทย วัฒนธรรมไทยมากกว่านั่นเอง ยกตัวอย่างแบรนด์ถังน้ำของไทยที่ครองส่วนแบ่งตลาดในลาวเกือบ 100% แบรนด์จีนอันอื่นถ้าอยากจะขายได้นั้น จำเป็นต้องเลียนแบบให้เหมือนแบรนด์ไทย

2.Infrastructure ที่มองไม่เห็น
ถ้าพูดถึงโครงสร้างพื้นฐานใน CLMV ต้องบอกว่ามีความพร้อมที่จะเดินทางเข้าหาไปมาหาสู่กันแล้ว แต่ สิ่งที่เราต้องระวังก็คือเรื่องกฏระเบียบที่เราอาจไม่รู้มาก่อน เช่น ภาษีการนำเข้าสินค้า ยานพาหนะ รวมไปถึงด่านยิบย่อย เป็นต้น ยกตัวอย่าง ประเทศกัมพูชาที่มักจะมีด่านตามชนบท ทำให้เราต้องเสียค่าผ่านทางหลายต่อ หรือ การขออณุญาติผ่านเขตในเมียนมาร์ เมื่อต้องข้ามเขตการปกครอง เป็นต้นดังนั้นการลงพื้นที่จริง มีคนท้องถิ่นหรือคนไทยที่อยู่ที่นู่นเป็นพันธมิตรเป็นสิ่งสำคัญ

3.Activity Marketing
ในบางประเทศอย่างเมียนมาร์ ที่ไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุม การทำการตลาดจึงจำเป็นต้องทำแบบ Below The Line ไม่ว่าจะเป็นการจัดอีเว้นท์ กิจกรรม หรือการทำการตลาด ณ จุดขาย จะได้ผลมากกว่า Above The Line

4.งานบริการยังไม่แข็งแรง
โอกาสที่ไทยได้เปรียบมากๆ คือ งานบริการ เพราะประเทศเหล่านี้ (ยกเว้นเวียดนาม) เพิ่งมีการลงทุนในด้านโรงแรม การท่องเที่ยว และการบริการอย่างจริงจัง ทำให้ยังไม่ชำนาญเท่าไทย ดังนั้นหากนักลงทุนที่มี Know How เหล่านี้อยู่แล้ว อย่าลังเลที่จะเข้าไปลงทุน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นบริการจากไทยแล้ว ทั้งคนท้องถื่นและต่างชาติก็ให้การยอมรับ

5. การเริ่มต้นของ ตลาดเงินและตลาดทุน
ถึงแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของ 4 ประเทศนี้ จะก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว แต่ตลาดเงินยังถือว่าพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น โดยประเทศที่เปิดตลาดหุ้นอย่าง กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ก็มีบริษัทที่จดทะเบียนไม่ถึงสิบบริษัทเท่านั้น ในขณะที่ไทยมีมากกว่า 600 บริษัทไปแล้ว นั่นหมายถึงว่าการเติบโตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกิดจากเม็ดเงินจากเศรษฐกิจจริงทั้งสิ้น และในอีก 5-10 ปีข้างหน้า วันที่ตลาดเงินมีกาารเติบโตมากกว่านี้ เราคงได้เห็นการเติบโตของ GDP แบบ Double Digit ได้ไม่ยาก

6. มองฐานการผลิตเป็นหลัก
การเข้ามาตั้งร้านค้าในกลุ่ม CLMV นั้นอาจทำได้ยาก เนื่องจากค่าที่ดิน ค่าเช่าในเขตเศรษฐกิจนั้นค่อนข้างสูง SMEs ทั้งหลายอาจพิจารณาจากการค้านะหว่างชายแดนก่อน แต่สำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ นี่คือโอกาสทองที่ห้ามพลาด เพราะด้วยทรัพยากรที่ยังสมบูรณ์ แรงงานที่ค่าแรงยังไม่มาก

7. การแข่งขันด้านราคา
การปรับค่าแรงขั้นต่ำของไทยอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนการผลิตของสินค้าที่ผลิตในไทยสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประเทศที่กำลังจะเข้ามาลงทุนก็หันไปยังประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า ฉะนั้นแล้วหากประเทศไทยยังแข่งขันด้านราคาอยู่ เราก็จะแพ้ภัยตนเอง เพราะค่าแรงในประเทศ CLMV ถูกกว่าไทยหลายเท่านัก แรงงานไทยจึงต้องปรับตัวไปสู่แรงงานที่เน้นใช้ทักษะมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด

8. กำลังซื้อที่ไม่ได้น้อยอย่างที่คิด
ถึงแม้ว่าประเทศ CLMV จะมีรายได้ต่อหัว (GDP Per Capita) น้อยกว่าไทยหลายเท่า แต่โอกาสในการจับจ่ายใช้สอยนั้นก็ไม่ได้มากเช่นกัน ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเมื่อมีร้านอาหาร ร้านไอติม โรงหนัง และห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่ ประชาชนในประเทศเหล่านี้ก็พร้อมจับจ่ายใช้สอยเต็มที่ สังเกตได้จากโรงภาพยนตร์ที่ฝั่งลาวกับฝั่งไทยที่มีราคาตั๋วเท่ากัน แต่คนก็ยังคงมาหนาแน่น

9. ข้อมูลที่มี กับ สิ่งที่ต้องเจอ
ประเทศไทยเองก็มีหน่วยงานที่ช่วยนักลงทุนอย่าง BOI หรือ TBAM แต่ต้องบอกว่าข้อมูลที่องค์กรเหล่านี้ให้นั้น ไม่สามารถเทียบได้เลยกับการไปดูตลาดของจริง ทั้งพฤติกรรม ความเป็นอยู่ วิถิชีวิตของผู้คน เพราะฉะนั้นก่อนจะเข้าไปลงทุนในประเทศ CLMV อย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลทั้งหลายที่ได้รับมา แต่ให้ลองไปศึกษา และทำตลาดซัก 1-3 เดือน แล้วคุณจะรู้ว่าธุรกิจของคุณจะไปรอดมั้ยในประเทศนั้นๆ

10. CLMV ป๊อปสุดในโรงเรียน
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มั่นใจได้เลยว่า กลุ่มประเทศ CLMV เป็นกลุ่มประเทศที่ยังไม่มีคนสนใจมากนัก แต่หลังจากที่เวียดนามพัฒนาทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา ทำให้ภูมิภาคนี้เริ่มกลับมาอีกครั้ง ตามหลังด้วยลาว และกัมพูชา ที่เริ่มเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น สุดท้ายการเปิด AEC และ การเปิดประเทศของเมียนมาร์ คือจิ๊กซอว์สองชิ้นสุดท้าย ที่ทำให้ CLMV กลายเป็นกลุ่มที่ป๊อปที่สุดในโรงเรียน ทั้งด้านทรัพยากร เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน

สุดท้ายแล้วถ้าพิจารณาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ เราคงต้องยอมรับความจริงที่ว่า “CLMV ขาดไทยได้ แต่ไทยขาด CLMV ไม่ได้”

VLMC ศักยภาพดี

     CLMV คือประเทศ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม เป็นประเทศในกลุ่ม ASEAN ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่องและยังมีแร่ธาตุทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีค่าจ้างแรงงานไม่สูงนัก กลุ่มประเทศ CLMV จึงเป็นประเทศที่มีคนสนใจเข้าไปลงทุนการผลิตและการตลาด แต่เนื่องด้วย CLMV นั้นมีพรมแดนติดกับไทยทุกประเทศจึงเหมาะมากที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปลงทุนหรือหาลู่ทางทำธุรกิจ

กัมพูชา

   ภาพรวมของกัมพูชานั้น มีจุดเด่นที่ประชากรเพิ่มขึ้นมากทุกปี และมีกลุ่มหนึ่งที่มีกำลังซื้อสูง และมีอุปสงค์ในการบริโภคสินค้าและบริการทุกประเภทในปริมาณสูง แต่ยังไม่สามารถผลิตได้เพียงพอ ต้องนำเข้าหลายอย่าง ซึ่งธุรกิจที่ชาวไทยน่าเข้าไปลงทุนก็มีที่ พนมเปญ พระตะบอง เสียมเรียบ ในส่วนพนมเปญ เมืองที่มีศักยภาพในการค้าของ SMEs ไทย ได้แก่ กรุงพนมเปญ จังหวัดเสียมเรียบ และจังหวัดพระตะบอง ในส่วนของกรุงพนมเปญ สินค้าและบริการทุกอย่าง สามารถขยายตัวทั้งปัจจุบันและอนาคต จังหวัดพระตะบอง ประเภทสินค้าที่มีศักยภาพ คือ สินค้าเกษตร เครื่องจักรกลเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค บริการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ส่วนจังหวัดเสียมเรียบ ประเภทสินค้าที่มีศักยภาพ คือการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในส่วนจังหวัดพระตะบองที่มีพรมแดนติดต่อกับไทย การค้าขายชายแดนนี้ ควรวางตำแหน่งสินค้าและบริการให้มีภาพลักษณ์ด้านคุณภาพสูงกว่าสินค้าจากมาเลเซียเล็กน้อย และราคาถูกกว่าสินค้าจากเกาหลีใต้
สรุป: ประเทศกัมพูชามีศักยภาพในด้านค่าแรงแรงานที่ยังค่อนข้างต่ำ มีการเติบโตของตลาดการท่องเที่ยวสูง ได้รับสิทธิพิเศษทางด้านการค้าระหว่างประเทศมาก และยังขาดแคลนอุตสาหกรรมการผลิตทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมแต่ก็มีข้อจำกัดในด้านขนาดตลาดภายในประเทศที่มีประชากรค่อนข้างน้อย และความพร้อมของสาธารณูปโภคที่น้อย

ลาว

    สำหรับลาว ถือว่าเป็นประเทศที่มีสังคม วัฒนธรรม ใกล้เคียงกับประเทศไทยมากที่สุดเมืองที่น่าสนใจในการค้า คือ เมืองหลวงเวียงจันทน์ แขวงหลวงพระบาง และแขวงจำปาสัก สินค้าที่มีโอกาสทำตลาด ได้แก่ ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะ สินค้ากลุ่มทำความสะอาดผ้า กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพความงาม เครื่องประดับมีดีไซน์ ยากันยุง หรือประเภทสินค้าเกษตรและเครื่องจักรการเกษตร โดยเฉพาะเครื่องพรวนดินและกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก เครื่องจักรแปรรูปสินค้าเกษตร กลุ่มสินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง กลุ่มสินค้าอะไหล่ยานยนต์และรถยนต์ โดยเฉพาะล้อแม็กซ์ ฟิล์มกรองแสง GPS เครื่องเสียง และอู่ซ่อมรถ
ในส่วนของสินค้าบริการของไทย ที่มีศักยภาพในแต่ละเมืองเป้าหมาย พบว่าเวียงจันทร์ สินค้าบริการที่มีศักยภาพ ได้แก่ ร้านกาแฟ อู่ซ่อมรถ ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย เมืองหลวงพระบาง ได้แก่ ร้านอาหาร นวด-สปา อู่ซ่อมรถ ร้านกาแฟ แขวงจำปาสัก ได้แก่ ร้านอาหาร นวด-สปา โรงแรม อู่ซ่อมรถ โดยช่องทางการเข้าสู่ตลาดใน ลาว ส่วนใหญ่จะเป็นการ การร่วมลงทุน ส่งออกทางอ้อม และส่งออกทางตรง
สรุป:ประเทศลาวนั้นมีศักยภาพในด้านค่าแรงแรงานที่ยังค่อนข้างต่ำ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งแร่ธาตุ พลังน้ำ และที่ดินสำหรับทำการเกษตร มีวัฒนธรรมและภาษาใกล้เคียงกับไทย และยังขาดแคลนเทคโนโลยีการผลิตผลผลิตทางการเกษตร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านขนาดตลาดในประเทศที่มีประชากรน้อย ความพร้อมของสาธารณูปโภค และการไม่มีพรมแดนติดทะเลจึงทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศต้องผ่านประเทศอื่น

เมียนมา

     สหภาพพม่าเป็นประเทศที่มีประชากรอยู่จำนวนมาก และยังไม่สามารถผลิตปัจจัยสี่ได้เพียงพอ สภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม การนับถือศาสนาพุทธ วิถีชีวิต ความเชื่อ คล้ายกับไทย และเป็นจุดร่วมสำคัญที่สร้างโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าไทย ซึ่งชาวพม่ามีค่านิยมในการบริโภคสินค้าที่ยึดติดกับตราสินค้าโดยเฉพาะตราสินค้าไทย ที่ชาวพม่ารับรู้และเชื่อมั่นว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี
เมืองที่มีศักยภาพทางการค้าสำหรับ ไทย ได้แก่ เมืองย่างกุ้ง เมืองเมียวดี และเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งโอกาสของสินค้าไทยในแต่ละเมืองเป้าหมาย พบว่า เมืองย่างกุ้ง สินค้าที่มีศักยภาพคือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง กลุ่มสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ เมืองเมียวดี ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าเกษตรและเครื่องการเกษตร กลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ เมืองมัณฑะเลย์ สินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตรและเครื่องจักรเกษตร และกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง
สรุป:ประเทศเมียนม่าร์มีศักยภาพในด้านกำลังแรงงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก มีระดับค่าแรงที่ต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งแร่ธาตุ น้ำมัน และที่ดินสำหรับทำการเกษตร นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันในประเทศที่ไม่สูงนัก แต่ก็มีข้อจำกัดใดด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง การส่งเสริมการลงทุน การขนส่งสินค้าผ่านแดน และความพร้อมของสาธารณูปโภค ทั้งนี้ ช่องทางการเข้าสู่ตลาดของไทย ในสหภาพพม่า ส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกทางตรง ส่งออกทางอ้อม และธุรกิจแบบแฟรนไชส์

เวียดนาม

     ประเทศเวียดนาม ที่ปัจจุบันเป็นทั้งแหล่งผลิตและแหล่งตลาดที่สำคัญใน AEC มีศักยภาพพร้อมครบถ้วน ทั้งนโยบายด้านการค้า การลงทุนที่ชัดเจนและบังคับใช้ทั่วประเทศ และสำคัญคนเวียดนามมีความรู้สึกที่ดีต่อสินค้าไทย สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดเวียดนาม ได้แก่ อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์และอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง ธุรกิจซ่อมรถจักรยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง รวมถึงการทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบ Inbound Tourism และธุรกิจต่อเนื่อง เช่น สปา ร้านอาหาร ภัตตาคาร
เมืองที่มีศักยภาพทางเข้าทำการค้าด้วย ได้แก่ นครโฮจิมินห์ นครเกิ่นเธอ และนครไฮฟอง โดยเฉพาะนครไฮฟอง นั้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของคนไทย คือ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการหมู่บ้านจัดสรรสำหรับผู้มีรายได้น้อยซึ่งเริ่มดำเนินงานในปี 2010 แล้ว
การเข้าตลาดของสินค้าทุกประเภทในประเทศเวียดนาม ควรเริ่มต้นด้วยวิธีการส่งสินค้า (Export) เข้าไปจำหน่ายโดยผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ในส่วนของธุรกิจบริการสามารถเข้าตลาดด้วยการลงทุน 100% ร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น การร่วมมือทางธุรกิจ และการเช่าสถานที่พร้อมใบอนุญาต ฯลฯ โดยต้องวางภาพลักษณ์เป็นสินค้าคุณภาพและแข่งขันในตลาดสินค้าระดับกลาง-บน ในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ควรดำเนินการในลักษณะเป็นผู้รับเหมาช่วง
สรุป:ประเทศเวียดนามนั้นนับว่ามีศักยภาพสูงมากทั้งในด้านกำลังแรงงานที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในวัยหนุ่มสาว ค่าแรงที่ยังค่อนข้างต่ำ การพัฒนาของสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่อง ขนาดของตลาดภายในประเทศที่มีประชากรมากกว่าประเทศไทย ช่องทางการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ก็มีข้อจำกัดที่สำคัญคือ ความรุนแรงในการแข่งขันทังนี้เนื่องจากประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว